อุปสงค์ หมายถึงความต้องการสินค้าและบริการจำนวนหนึ่งที่ผู้บริโภคประสงค์จะซื้อและมีความสามารถจะซื้อ
ณ ระดับราคาต่างๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งความต้องการดังกล่าวจะแปรผกผันกับราคาสินค้านั้น
อุปสงค์มีทั้งอุปสงค์ส่วนบุคคลและอุปสงค์ตลาดที่ได้จากการรวมอุปสงค์ตลาดที่ได้จาการรวมอุปสงค์ส่วนบุคคลของทุกๆ
คน ณ ระดับราคาเดียวกัน
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ เป็นการเปรียบเทียบสัดส่วนของการเปลี่ยนแปลงในปริมาณอุปสงค์ต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่กำหนดอุปสงค์
แบ่งออกเป็นความยืดหยุ่นต่อราคา ความยืดหยุ่นต่อรายได้ และความยืดหยุ่นไขว้
อุปทาน หมายถึงปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้ขายยินดีขาย
ณ ระดับราคาต่างๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งปริมาณที่เสนอขายจะแปรผันโดยตรงกับราคาสินค้านั้นๆ
อุปทานมีทั้งอุปทานของหน่วยธุรกิจและอุปทานของอุตสาหกรรมที่ได้จากการรวมอุปทานของหน่วยธุรกิจของทุกๆหน่วยธุรกิจ
ณ ระดับราคาเดียวกัน
ความยืดหยุ่นของอุปทานเป็นการเปรียบเทียบสัดส่วนของการเปลี่ยนแปลงในปริมาณอุปทานต่อ การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่กำหนดอุปทาน
แบ่งออกเป็นความยืดหยุ่นของอุปทานในระยะสั้นและระยะยาว
ดุลยภาพของตลาด
เกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์เท่ากับอุปทาน ทำให้เกิดราคาและปริมาณดุลยภาพ
การบิดเบือนกลไกราคาด้วยการเก็บภาษีและการให้เงินช่วยเหลือ การกำหนดราคาขั้นต่ำขั้นสูง
การจำกัดปริมาณการผลิต และการกำหนดปริมาณการนำเข้าและการเก็บภาษีสินค้านำเข้า ทำให้ราคาและปริมาณดุลยภาพเปลี่ยนแปลงไป
อุปสงค์
1. อุปสงค์ หมายถึงปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคยินดีที่จะซื้อ
ณ ระดับราคาต่างๆ ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคไม่เปลี่ยนแปลงโดยทั่วไปปริมาณซื้อจะแปรผกผันกับราคา
2.
อุปสงค์ส่วนบุคคลเป็นความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภครายใดรายหนึ่ง
เมื่อรวมอุปสงค์ของผู้บริโภคทุกรายที่มีอยู่ในตลาดเข้าด้วยกันก็จะได้อุปสงค์ตลาด
3.
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์เป็นการเปรียบเทียบสัดส่วนของการเปลี่ยนแปลงในปริมาณอุปสงค์ต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่กำหนดอุปสงค์
ซึ่งได้แก่ราคาของสินค้าที่กำลังพิจารณา รายได้ของผู้บริโภคและราคาของสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง
ความหมายของอุปสงค์
อุปสงค์หมายถึง ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคยินดีซื้อ
ณ ระดับราคาต่างๆ ในขณะที่ปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคไม่เปลี่ยนแปลง
อุปสงค์ส่วนบุคคลและอุปสงค์ตลาด
เส้นอุปสงค์ส่วนบุคคลมีลักษณะลาดลงจากซ้ายไปขวา
เส้นอุปสงค์ส่วนบุคคลหลายเส้น เมื่อรวมอุปสงค์แต่ละรายที่ระดับราคาต่างๆกัน
เข้าด้วยกัน จะได้อุปสงค์รวมทั้งหมดซึ่งเรียกว่า อุปสงค์ตลาด เส้นอุปสงค์อาจไม่เป็นเส้นตรงก็ได้
แต่จะต้องเป็นเส้นที่ลาดลงจากซ้ายไปขวา เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคจะซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเมื่อสินค้ามีราคาลดลง
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา ต่อรายได้ และความยืดหยุ่นไขว้
1.
ในกรณีที่ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาน้อยกว่า 1 ถ้าราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์
ปริมาณการซื้อของผู้บริโภคจะลดลงน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์
ทำให้รายจ่ายของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น
2.
ถ้าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาเท่ากับ –0.5 การขึ้นราคาสินค้าร้อยละ 10 จะทำให้รายจ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป
กล่าวคือ
จาก TR = PQ โดยที่ TR=
รายจ่ายของผู้บริโภค P= ราคาสินค้า Q = ปริมาณการซื้อสินค้า เมื่อราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเท่ากับ
(1.1P)(0.95Q) = 1.045PQ
แสดงว่ารายจ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 4.5 เปอร์เซ็นต์
3.
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาไขว้จะมีเครื่องหมาย ดังต่อไปนี้
(ก) ขาและกาแฟเป็นสินค้าทดแทนกัน เครื่องหมายของอุปสงค์ต่อราคาไขว้
มีเครื่องหมายเป็น บวก
(ข) เหล้าและโซดาเป็นสินค้าที่ใช้ร่วมกันเครื่องหมายของอุปสงค์ต่อราคาไขว้
มีเครื่องหมายเป็น ลบ
(ค) ไม้จิ้มฟันและเรือรบ เป็นสินค้าที่เป็นอิสระต่อกัน
เครื่องหมายของอุปสงค์ต่อราคาไขว้มีค่าเป็น ศูนย์
อุปทาน
อุปทานของสินค้า
หมายถึงปริมาณสินค้าที่ผู้ขายยินดีที่จะเสนอขาย ณ ระดับราคาต่างๆ กัน
ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
โดยทั่วไปความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณขายจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
อุปทานของหน่วยธุรกิจ เป็นความต้องการเสนอขายสินค้าของผู้ขายรายใดรายหนึ่ง เมื่อรวมอุปทานของผู้ขายทุกรายที่มีอยู่ในท้องตลาดเข้าด้วยกันก็จะได้อุปทานของอุตสาหกรรม
ความยืดหยุ่นของอุปทาน
เป็นการเปรียบเทียบสัดส่วนของการเปลี่ยนแปลงในปริมาณอุปทานต่อการเปลี่ยน
แปลงของราคาสินค้าซึ่งแบ่งออกเป็นความยืดหยุ่นของอุปทานในระยะสั้นและระยะ ยาว
ความหมายของอุปทาน
ผู้ขายจะเสนอขายสินค้าในปริมาณเท่าเดิม เมื่อสินค้ามีราคาสูงขึ้น
จะมีความเป็นไปได้ที่ผู้ขายไม่มีเวลากรณีที่ผู้ขายไม่มีเวลาพอที่จะไปหาสินค้ามาเสนอขายเพิ่มขึ้น
เช่น ถ้าเขามีส้มอยู่ในร้านจำนวน 20 กก. ถ้าราคาส้มเพิ่มขึ้น เขาไม่สามารถหาส้มมาเสนอขายในปริมาณที่เพิ่มขึ้นในอีก
1 นาทีข้างหน้า
ทำให้เส้นอุปทานเป็นเส้นตั้งฉากกับแกนนอนดังเส้น S ในรูปข้างล่างถึงแม้อุปสงค์จะเพิ่มขึ้นจาก
D1 เป็น D2 ผู้ขายยังเสนอขายได้เพียง 20
กก. แต่สามารถขายได้ในราคาสูงขึ้น ถ้าผู้ผลิตเพิ่มขึ้นอีก
1 คน ซึ่งมีเส้นอุปทานเหมือนกัน คือ S3 และ St เส้นอุปทานของอุตาสหกรรมจะต้องนำเส้นอุปทานของผู้ผลิตที่มีเส้นอุปทานเหมือนกัน
S3 และ St เดิมตามแนวนอน
ซึ่งจะได้เส้นอุปทานรวมใหม่เป็น S*t ตามรูป
ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคาในระยะสั้นและระยะยาว
1.
ความยืดหยุ่นของเส้นอุปทานจะเท่ากับ อสงไขย (Infinity) มีความเป็นไปได้ ซึ่งเป็นกรณีที่เส้นอุปทานเป็นเส้นขนานกับแกนนอน
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทยต้องสั่งน้ำมันเข้าจากต่างประเทศ
ซึ่งปริมาณซื้อของประเทศไทยปริมาณน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำมันในตลาดโลก
ดังนั้นผู้ขายน้ำมันในตลาดโลกสามารถขายน้ำมันในปริมาณที่ประเทศไทยต้องการในราคาที่คงที่
ทำให้ประเทศไทยเห็นเส้นอุปทานของน้ำมันเป็นเส้น S ที่ขนานกับแกนนอน
2.
ผู้ผลิตรายหนึ่งเสนอขายสินค้า 10 หน่วย
เมื่อราคาสินค้าเท่ากับหน่วยละ 5 บาท และเสนอขายสินค้า 20
หน่วย เมื่อราคาเท่ากับ 7 บาท หาความยืดหยุ่นต่อราคาอุปทาน และดูว่าเป็นอุปทานระยะฉับพลันหรือไม่
Ep
= dQ/dP(P/Q)
Ei = (Q2-Q1)/(Q2+Q1)/2 =
(20-10)/(20+10)/2 = 10/15 = 2
(P2-P1)/(P2+P1)/2
(7-5) / (7+5)/2 2/6
Ep = 2
(5/10)
= 1
ความยืดหยุ่นต่อราคาอุปทาน เท่ากับ 1 แสดงว่าไม่ใช่อุปทานระยะฉับพลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น