สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดโลกร้อน คือ การลดลงของก๊าซออกซิเจน
และการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ชั้นบรรยากาศเสียไป
แสงจากพระอาทิตย์สามารถส่องตรงมายังโลกได้มากขึ้น
ในปัจจุบันก็ได้มีความตื่นตัวมากขึ้นเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
เช่น
การส่งเสริมให้ใช้ถุงพลาสติกสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นการเสนอแนวความคิด
ทางเศรษฐศาสตร์ที่จะช่วยโลกคลายร้อนได้
(อาจจะไม่ถูกใจประเทศที่พัฒนาแล้วเสียหน่อยนะ)
ในทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ การผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง
นอกจากต้นทุนที่ใช้ในการผลิต และสินค้าที่ผลิตได้แล้ว
ยังมีต้นทุนที่นอกเหนือการผลิต และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ตัวสินค้าอยู่อีก
สำหรับต้นทุนที่ไม่ได้รวมอยู่ในกระบวนการผลิตนี้เรียกว่า ต้นทุนภายนอก (Externality Cost)
ต้นทุนชนิดนี้จะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ เช่น
การที่โรงงานอุตสาหกรรมมีผลกระทบการทำลายสิ่งแวดล้อม ได้แก่
การเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ การทำให้น้ำเสีย
หรือแม้แต่มลพิษทางเสียง
ซึงถ้าปล่อยไปตามกลไกของตลาดผู้ผลิตไม่คิดต้นทุนเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้
สินค้าอุตสาหกรรมถูกกว่าที่ควร และจึงทำให้มีการบริโภคที่มากเกินไป
ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเข้ามาเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
เพื่อให้ต้นทุนภายนอกนี้ได้กลายมาเป็นต้นทุนของผู้ผลิตในขณะนี้มีการตื่นตัว
เรื่องนี้กันมาก โดยจะเห็นได้จากการที่มีการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม
และการบังคับและตรวจสอบให้โรงงานมีการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย
สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้พูดถึงกันมากนักคือ
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากกระบวนการผลิตที่ไม่ใช่ตัวสินค้า
เพื่อให้เข้าใจกันง่ายขึ้นผมขอแบ่งเป็น 2 ประเภทแล้วกัน ประเภทที่หนึ่ง
คือ เป็นประเภทที่จับต้องได้ เรียกว่า By Product เช่น โรงสีข้าว นอกจากข้าวที่เป็นตัวสินค้า ยังมีแกลบ และรำ เป็น By Product ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้สามารถมีตลาดได้จึงมีมูลค่า จึงไม่มีปัญหาใด ๆ
แต่สำหรับประเภทที่ 2 เป็นประเภทที่จับต้องไม่ได้ เช่น
การปลูกพืชทำการเกษตร
จะผลิตก๊าซออกซิเจนออกมาด้วยผมขอเรียกสินค้าประเภทนี้ว่าเป็น Positive Externality เนื่องจากว่าสินค้าประเภทนี้ไม่สามารถจับต้องได้ (ผู้ผลิตไม่สามารถนำมาขายได้) จึงไม่มีตลาดเลยไม่มีมูลค่าด้วย
ดังนั้น
การปล่อยให้สินค้าเกษตรเป็นไปตามกลไกตลาดราคาของสินค้าเกษตรก็จะไม่สะท้อน
สินค้าประเภทนี้ด้วยทำให้ผลตอบแทนต่อเกษตรกรต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
จึงนำไปสู่การผลิตที่น้อยเกินควร
ดังนั้นการปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดนั้นจะส่งผลให้มีการผลิตภาคอุตสาหกรรม
ที่มากเกินไป การผลิตภาคเกษตรที่น้อยเกินไป
นำไปสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น
จากหลักการที่กล่าวมาข้างต้น ผมจึงขอนำเสนอความคิดในการเก็บภาษีภาคอุตสาหกรรมที่เป็นส่วนของ Externality Cost แล้วนำมาสนับสนุนภาคเกษตรในส่วนที่เป็น Positive Externality ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีการศึกษา และคำนวณ Externality
เหล่านี้ให้ถูกต้อง และไม่ควรทำกันเองในแต่ละประเทศ
เพราะเนื่องจากบางประเทศที่เป็นประเทศอุตสาหกรรมก็ไม่จำเป็นต้องสนับสนุน
เกษตรมากส่วนประเทศที่เป็นเกษตรกรรม ก็ไม่รู้จะนำเงินสนับสนุนมาจากไหน
และเรื่องของโลกร้อนก็กระทบต่อคนทั้งโลก ดังนั้นหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น
สหประชาชาติ จึงต้องเข้ามาดูแล และรับผิดชอบ
ทันเศรษฐกิจ
•...วิศิษฏ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข
คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า
www.econ.nida.ac.th
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ฉบับวันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น